อุปกรณ์ป้องกันส่วนบุคคลสำหรับการก่อสร้าง (PPE)

อุปกรณ์ป้องกันส่วนบุคคล คืออะไร?
PPE มาจากคำว่า Personal Protection Equipment แปลได้ว่า อุปกรณ์ป้องกันส่วนบุคคล เป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยป้องกันผู้ที่ทำงานก่อสร้างจากอันตราย และ การเจ็บป่วยที่มาจากอันตรายในที่ทำงาน
ในงานก่อสร้าง ตัวอย่างที่พบบ่อยที่สุดของ PPE คือ หมวกนิรภัย และรองเท้าบูท และยังมีอีกหลายอย่างที่สามารถนำมาใช้เพื่อความปลอดภัย
โดยทั่วไปแล้วจะมีโปรแกรม PPE ในแต่ละสถานที่ทำงานเพื่อจัดการกับอันตรายในสถานที่ทำงาน รับรองการบำรุงรักษา และการฝึกอบรมเรื่องความปลอดภัยสำหรับผู้สวมใส่อุปกรณ์

อุปกรณ์ป้องกันตาและใบหน้า
อุปกรณ์ป้องกันตาและใบหน้ามักจะใช้ในงานที่ต้องการป้องกันเศษดินที่มาจากการขุดเจาะ รื้อถอน และยังช่วยในการป้องกันดวงตาและผิวจากสารเคมีและแก๊สที่อันตรายอีกด้วย
หากงานที่ทำจำเป็นจะต้องใส่อุปกรณ์ป้องกันดวงตาและใบหน้า ตรวจสอบให้แน่ใจว่าอุปกรณ์มีขนาดที่พอดี และไม่ส่งผลต่อการเคลื่อนไหว แล้วตรวจสอบให้แน่ใจว่าเป็นอุปกรณ์ที่เหมาะสมกับงานที่จะทำ
ยกตัวอย่าง เช่น หากงานที่คุณทำมีความเสี่ยงที่จะถูกสารเคมีกระเด็นใส่และเป็นที่ที่มีฝุ่นละอองปะปนในอากาศจำนวนมาก ก็ควรที่จะใส่อุปกรณ์ป้องกันดวงตา เช่น แว่นนิรภัย

อุปกรณ์ป้องกันเท้าและขา
อุปกรณ์ป้องกันเท้าและขาสวมใส่เพื่อปกป้องเท้าของคุณจากวัตถุที่กลิ้งหรือวัสดุที่สามารถเจาะเข้ามาในรองเท้าได้ อันตรายที่เกิดขึ้นอาจรวมถึงกระแสไฟฟ้า เครื่องจักร เช่น ค้อนทุบ และวัตถุที่แหลมคม เช่น ตะปู
นอกจากนี้ ก็ควรสวมรองเท้าที่ทนต่อแรงกระแทกเมื่อต้องทํางานกับของหนักที่อาจกลิ้งหรือตกลงมาบนตัวคุณ เช่น ถัง เครื่องจักร และเครื่องมือในการก่อสร้าง

อุปกรณ์ป้องกันมือและแขน
อุปกรณ์ป้องกันมือและแขนใช้ป้องกันจากอันตรายที่อาจทำร้ายผิวหนังจนเกิดเป็นแผลต่าง ๆ เช่น แผลไหม้จากสารเคมี ไฟฟ้าช็อต รอยฟกช้ำ และแผลเป็น
อุปกรณ์ป้องกันมือและแขนไม่เพียงแต่สามารถป้องกันความเสียหายของผิวได้เท่านั้น แต่ยังสามารถป้องกันการดูดซึมสารเคมีผ่านผิวหนัง ซึ่งอาจเป็นอันตรายมากอีกด้วย
เช่นเดียวกับ PPE รูปแบบอื่น อุปกรณ์ที่เหมาะสมโดยทั่วไปขึ้นอยู่กับงานของคุณ ตัวอย่างเช่น หากคุณต้องจัดการกับกรด หรือสารเคมีที่มีฤทธิ์กัดกร่อนอื่น ๆ ถุงมือที่ทนต่อสารเคมีและของเหลวจะเหมาะสม หลีกเลี่ยงการใช้ถุงมือที่มีรูหรือรอยเจาะ และทิ้งถุงมือที่สัมผัสกับสารเคมีอันตรายทันทีหลังจากใช้เสร็จ เพื่อหลีกเลี่ยงการสวมใส่ซ้ำ

อุปกรณ์ป้องกันศีรษะ
หากวัตถุหรือเศษซากที่มาจากการก่อสร้างตกลงมา หมวกนิรภัยจะสามารถป้องกันหรือลดความรุนแรงให้กับผู้ที่ทำงานได้ หมวกนิรภัยควรที่จะสวมใส่อยู่ตลอดเวลาในระหว่างที่ทำการก่อสร้าง เนื่องจากการบาดเจ็บที่ศีรษะเป็นอาการบาดเจ็บที่เลวร้ายที่สุดที่จะได้รับ
หมวกนิรภัยสามารถแบ่งได้หลายระดับ ดังนี้

Class A : หมวกนิรภัยระดับนี้สามารถต้านทานแรงกระแทกและการเจาะ พร้อมการป้องกันแรงดันไฟฟ้าที่จํากัด (สูงสุด 2,200 โวลต์)

Class B : หมวกนิรภัยนี้ให้การป้องกันระดับสูงสุดจากอันตรายทางไฟฟ้า (สูงถึง 20,000 โวลต์) พร้อมกับความต้านทานแรงกระแทกและการเจาะ

Class C : หมวกนิรภัยน้ําหนักเบาจะช่วยป้องกันแรงกระแทกได้ แต่ไม่มีการป้องกันจากอันตรายทางไฟฟ้า

หมวกกันกระแทก : หมวกเหล่านี้สวมใส่ในพื้นที่ที่มีระยะห่างของศีรษะต่ํา ปกป้องคนงานจากการชนศีรษะ แต่ไม่ป้องกันวัตถุหกล้มหรือบินได้

เพื่อให้ทํางานได้อย่างปลอดภัย หมวกนิรภัยจะต้องใส่พอดี ไม่ควรใหญ่เกินไปหรือเล็กเกินไป และหมวกที่สวมใส่ไม่ควรที่จะ ลื่น หลุดออก หรือระคายเคืองผิวในทางใดทางหนึ่ง หากเปลือกหมวกนิรภัยของคุณมีรอยแตก หรือมีการสึกหรอ ก็ไม่ควรสวมใส่ และควรทิ้งหรือเปลี่ยนใหม่ในทันที

อุปกรณ์ป้องกันเสียง
การทำงานในที่ที่มีเสียงดังเป็นนระยะเวลานาน อาจทำให้ประสาทการได้ยินเสียหายได้ ดังนั้นจึงควรใช้ที่ปิดหูหรือที่อุดหูเพื่อความปลอดภัย
อุปกรณ์ป้องกันเสียงควรสวมใส่เมื่อต้องทำงานที่ต้องใช้สายพานลำเลียง ยานพาหนะก่อสร้าง หรือการใช้เครื่องมือก่อสร้าง และแม้ว่าที่ปิดหูบางประเภทจะสามารถใช้ซ้ำได้ แต่ควรใช้ที่อุดหูแค่ครั้งเดียวแล้วทิ้งหลังใช้งานเสร็จ

อุปกรณ์ป้องกันและยับยั้งการตกจากที่สูง
อุปกรณ์ป้องกันและยับยั้งการตกจากที่สูงจะช่วยปกป้องจากอันตรายที่หล่นจากที่สูง โดยเฉพาะเมื่อต้องทำงานอยู่บนอาคารที่สูง อยู่บนแพล็ตฟอร์ม และดาดฟ้า

อุปกรณ์ปกป้องระบบทางเดินหายใจ
เครื่องช่วยหายใจใช้เพื่อปกป้องปอดของผู้ที่ต้องทำงานในสภาพแวดล้อมที่เต็มไปด้วยฝุ่น ควัน หมอก ก๊าซ หรือไอระเหย
เครื่องช่วยหายใจควรใช้เมื่อต้องทำงานที่มีสารตะกั่ว และฝุ่นละอองที่มีขนาดเล็ก อันตรายเหล่านี้จะมาพร้อมกับงานก่อสร้าง เช่น การเลื่อย การบด หรือการบิ่นวัสดุด้วยเครื่องมือก่อสร้าหรือยานพาหนะ


 
เคล็ดลับความปลอดภัยสำหรับPPE

ระบุอันตรายในสถานที่ก่อสร้าง
ในกรณีที่ต้องเลือกPPEให้เหมาะสมกับคนในทีม คุณจะต้องระบุให้ได้ก่อนว่าต้องการจะป้องกันอันตรายแบบใด การประเมินอันตรายไม่เพียงแค่ช่วยให้คุณเข้าใจสิ่งที่คุณต้องเผชิญได้ดีขึ้นเท่านั้น แต่ยังสามารถช่วยให้คุณแน่ใจได้ว่าการใช้PPEของคุณจะสามารถครอบคลุมอันตรายได้ทั้งหมด
เข้าใจวิธีการใช้งานอุปกรณ์ต่าง ๆ
การสร้างแผนความปลอดภัยเฉพาะไซต์ช่วยให้คุณพัฒนามาตรการที่เป็นทางการเพื่อปฏิบัติตามซึ่งปรับให้เข้ากับไซต์งานของคุณ เพื่อให้พนักงานของคุณรู้ว่าต้องทําอะไรเพื่อปกป้องตนเอง
ดังนั้น จำเป็นจะต้องให้ข้อมูลกับคนในทีมถึงการใช้งานอุปกรณ์ที่เหมาะสมด้วยการอบรมด้านความปลอดภัย และให้พนักงานทำตามมาตรการที่กำหนดไว้
ตรวจสอบอุปกรณ์ป้องกันภัยทุกครั้งก่อนจะใช้
ก่อนที่จะสวมใส่อุปกรณ์PPE ตรวจสอบให้แน่ใจว่าอุปกรณ์มีสภาพดี ปราศจากความเสียหายและไม่มีรอยสึกหรอ หากอุปกรณ์มีร่องรอยความเสียหายให้ทำการทิ้งและเปลี่ยนใหม่โดยทันที
ดูแลและบำรุงรักษาอุปกรณ์อย่างเหมาะสม
ตรวจสอบให้แน่ใจว่าอุปกรณ์ป้องกันภัยของคุณถูกจัดเก็บไว้อย่างเหมาะสม และถูกดูแล ซ่อมบำรุงเป็นอย่างดี
เลือกใช้อุปกรณ์ให้สอดคล้องกับงานประเภทงาน
ประเภทของ PPE ที่คุณใช้จะขึ้นอยู่กับงาน ไซต์งาน และอันตรายในสถานที่ทํางานเฉพาะที่คุณกําลังเผชิญอยู่ และควรตรวจสอบให้แน่ใจว่าอุปกกรณ์PPEที่ต้องการใช้งานสอดคล้องกับประเภทงานที่จะทำ

และเพื่อความปลอดภัยขณะที่ทำงานก่อสร้างก็ควรที่จะเลือกซื้อหรือเช่าเครื่องจักรสำหรับก่อสร้างที่ดีและมีคุณภาพ
ซึ่งในไทยเจนท์นั้นมีเครื่องจักรสำหรับก่อสร้างอยู่หลากหลายประเภทเลยค่ะ ไม่ว่าจะเป็นเครื่องกำเนิดไฟฟ้า เครื่องปั๊มลม เครื่องตัดคอนกรีต และอีกมากมาย พร้อมกับมีช่างที่ชำนาญที่สามารถให้คำปรึกษาและคำแนะนำให้ผู้ที่สนใจได้
หากสนใจที่จะเช่า / ซื้อ สามารถติดต่อมาได้ที่ :
 02 582 3194 
 @thaigent
 บจก.ไทยเจนท์ : Thaigent Company Limited

ขอขอบคุณข้อมูลดี ๆ จากทางเว็บไซต์ : https://www.bigrentz.com/blog/construction-ppe